MATH การแสดงวิธีทำข้อสอบO-NET

ข้อสอบ O-NET (Ordinary National Educational Test) แปลว่า แบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะวัดความรู้ความสามารถทางการศึกษา หลังจากที่เรียนจบระดับชั้น     หนึ่ง ๆ   ซึ่งในปัจจุบันจะทำการทดสอบนักเรียนในระดับชั้นประุถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และมัธยมศึกษาปีที่ 6

ข้อสอบโอเน็ตสำคัญไฉน

ข้อสอบโอเน็ตถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างมาก เพราะทุกโรงเรียนและระดับเขตการศึกษา จะวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนจากข้อสอบ O-NET นี่แหละครับ เพราะถือว่าเป็นข้อสอบกลาง ถ้าโรงเรียนใดหรือเขตการศึกษาใดทำคะแนนได้ดี ก็จะมีหน้ามีตาทีเดียว และเป็นตัวชี้วัดว่าคุณครูมีความสามารถในการจัดการเรียนการสอน และนักเรียนมีความสนใจในการเรียนเป็นอย่างดี
และที่สำคัญจะเอาข้อสอบโอเน็ตเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาต่อ ซึ่งอาจจะเป็นตัวช่วยให้นักเรียนมีความสนใจในการทำข้อสอบมากขึ้น เพราะถ้าสอบแค่ว่าวัดดูว่าโรงเรียนไหนได้มากได้น้อย นักเรียนก็จะไม่ให้ความสำคัญกับการทำข้อสอบเลย ดังนั้นแนวคิดที่จะเอาผลสอบไปทำอะไรสักอย่างถึอว่าเป็นแนวคิดที่ดี

ข้อสอบมาตรฐานแค่ไหน

ข้อสอบโอเน็ตถือว่าค่อนข้างได้มาตรฐาน เพราะออกข้อสอบตามตัวชี้วัดหลักสูตรแกนกลางเป็นสำคัญ แต่ก็มีหลายข้อที่โดนท้วงติงจากผู้รู้ว่ามีข้อสอบบางข้อที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งสำนักทดสอบเองก็ยอมรับในข้อผิดพลาดดังกล่าว ซึ่งจะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็ไม่ผิดเท่าไหร่หรอกครับ เพราะว่าคนที่ออกข้อสอบบางครั้งก็อิงความเห็นส่วนตัวบ้าง จึงก่อให้เกิดความผิดพลาดดังกล่าว
ยกตัวอย่างเช่นมาตรฐานบอกว่า วิเคราะห์ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติของทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย นั่นหมายความว่านักเรียนต้องรู้วการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติมีอะไรบ้างในโลกใบนี้ แล้วการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวคือะไร มีผลอะไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นักเรียนต้องเรียนรู้กันอย่างจริงๆแล้วละทีนี้

ข้อสอบโอเน็ตปี 2553 เป็นต้นมาเป็นเช่นไร

มีบางวิชาที่แตกต่างจากปีก่อนกล่าวคือ ต้องตอบให้ถูกทั้งสองข้อย่อยจากหนึ่งข้อใหญ่จึงจะได้คะแนน ซึ่งหลายท่านก็แสดงความเห็นว่าคะแนนตกต่ำเป็นแน่แท้ เพราะไม่สามารถที่จะเดาได้เลย ต้องรู้จริง ๆ จึงจะทำได้ และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วการทำข้อสอบทั่วไปแบบข้อละคะแนนก็ยากพออยู่แล้ว พอมาเจอข้อสอบแบบนี้ก็เป็นอันเสร็จกัน

ข้อสอบออนไลน์บนเว็บนี้เพื่ออะไร


เพื่อเป็นแหล่งฝึกปรือให้กับนักเรียนได้ทดลองทำข้อสอบจริง จากปีก่อน ก่อนที่จะลงสอบสนามจริงครับ การได้ผ่านหูผ่านตาข้อสอบปีก่อน ๆ จะทำให้เราสามารถรู้แนวข้อสอบ และคุ้นเคยกับข้อสอบว่าส่วนมากจะมาแนวไหน เพื่อจะได้เตรียมตัวอ่านตำหรับตำราได้ถูกทาง และสามารถติวข้อสอบล่วงหน้าด้วนตนเองได้ครับ
ตัวอย่างข้อสอบโอเน็ต
1.              ฉันนำเงิน 48 บาทไปตลาด พบว่า ถ้าซื้อมะม่วง 5 ผล และสับปะรด 7 ผล จะขาดเงินไป 2 บาทแต่ถ้าซื้อมะม่วง 7 ผล และสับปะรด 5 ผล จะเหลือเงิน 2 บาท สับปะรดราคาแพงกว่ามะม่วงเท่าใด




2.ซื้อปากกาขายองชนิด ชนิดหนึ่งจำนวน 25 ด้าม อีกชนิดหนึ่งจำนวน 20 ด้าม รวมเป็นเงิน 275 บาท ขายปากกาชนิดแรกได้กำไร 20% และขายชนิดที่สองได้กำไร 15%   รวมเป็นกำไรทั้งสิน 50 บาท ปากกาสองชนิดนี้ราคาด้ามละเท่าไร


3.หนึ่งประกอบด้วยสองหลัก    เลขหน่วยมากกว่าเลขหลักสิบอยู่  5 ผลบวกของเลขจำนวนนี้กับจำนวนเลขที่มีเลขสับหลักกั้นกับจำนวนเดิมเป็น 143   จงหาเลขจำนวนเติม


4.เมื่อ 10 ปีล่วงมาแล้ว บิดามีอายุเป็น 4 เท่าของบุตร ต่อจากปัจจุบันนี้ไปอีก 6 ปี บิดาจะมีอายุเป็น 2 เท่าของบุตร ปัจจุบันทั้งสองมีอายุคนละกี่ปี



5.ชายคนหนึ่งมีเหรียญห้าบาท และสิบบาท รวมกัน 39 เหรีญ ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินได้ 265 บาท จงหาจำนวนของเหรีญทั้งสองชนิด


วิธีทำ สมมติให้
มีเหรีญห้าบาท x เหรียญ
มีเหรีญสิบบาท y เหรียญ

จำนวนเหรีญรวมกัน 39 เหรียญ จะได้สมการ x + y = 39
จำนวนเงินรวมกัน 265 บาท จะได้สมการ 5x + 10y = 265

จะได้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรสองสมการ คือ
x + y = 39
5x + 10y = 265

แก้ระบบสมการเชิงเส้น จะได้ x = 25, y = 14                      ตอบ

ระบบสมการเชิงเส้น ตัวแปร
ระบบสมการเชิงเส้น    คือ  สมการเชิงเส้นมากกว่า  1  สมการขึ้นไป  แต่ละสมการจะมีตัวแปรมากกว่า  1  ตัว  ถ้าตัวแปร  2  ตัวจะเรียกว่า  สมการเชิงเส้นสองตัวแปร  ซึ่งในระบบนี้จะมีสมการอย่างน้อย  2  สมการ  จึงจะหาค่าคำตอบของตัวแปรทั้งสองได้  เช่นเดียวกับสมการเชิงเส้น  3  ตัวแปร  ก็ต้องมีสมการอย่างน้อย  3  สมการ  จึงจะหาคำตอบของตัวแปรได้  โดยตัวแปรทุกตัวในสมการ  จะต้องอยู่ในรูปกำลังหนึ่ง  และอยู่ในรูปผลบวก  หรือผลต่างระหว่างตัวแปรเหล่านั้น
                1.   สมการเชิงเส้นสองตัวแปร
                รูปแบบระบบสมการสองตัวแปร     คือ
                                a 1  x  +  b 1 y      =             c 1           เมื่อ  a 1  และ  b 1  ไม่เป็นศูนย์พร้อมกัน
                                a 2  x  +  b2 y      =             c 2           เมื่อ  a 2  และ  b 2  ไม่เป็นศูนย์พร้อมกัน
                ส่วนระบบสมการเชิงเส้นมากกว่าสองตัวแปร  จะกล่าวถึงเล็กน้อยเท่านั้น
                                ในชั้นนี้จะศึกษาเกี่ยวกับการหาค่าตัวแปร   2   ตัวแปรจากระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร  ซึ่งถ้านำสมการทั้งสองมาเขียนกราฟเส้นตรง  และจุดที่กราฟทั้งสองตัดกัน  จะเป็นคำตอบของสมการนี้

การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรโดยใช้วิธีเขียนกราฟ  จะไม่สะดวก  เนื่องจากเสียเวลามาก  บางครั้งคำตอบที่ได้จากกราฟ  อาจพิจารณาหาคำตอบได้ยาก  เพราะคำตอบอาจไม่ใช้จำนวนเต็ม  บางครั้งเป็นเศษส่วน  (จำนวนตรรกะ)  จึงยากที่จะระบุจำนวนใดเป็นคำตอบของระบบสมการนี้
                การแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร  ยังคงใช้สมบัติการเท่าเทียมกันกับการบวกและการคูณเช่นเดียวกับ  การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
                นั่นคือ  สมบัติเกี่ยวกับการบวก  และการคูณด้วยจำนวนที่เท่ากันย่อมเท่ากัน

หลักการสำคัญที่ใช้แก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร
1.             โดยวิธีแทนค่าตัวแปรตัวหนึ่งในรูปตัวแปรอีกตัวหนึ่ง
2.             โดยการเขียนตัวแปรตัวหนึ่งในรูปของตัวแปรอีกตัวหนึ่งทั้งสองสมการ  แล้วนำมาเท่ากัน  เข้าสมการใหม่
3.             โดยการทำสัมประสิทธิ์ตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งทั้งสองสมการให้เท่ากัน  เท่ากับ  ค.ร.น.  ของสัมประสิทธิ์เดิม  ของตัวแปรนี้ทั้งสองสมการ  แล้วนำมาบวกหรือลบกัน



 ข้อสังเกต  ถึงแม้ว่าโจทย์ข้อนี้จะทำสัมประสิทธิ์ของ  x  ให้เท่ากัน  แล้วนำมาลบกันก็ได้  แต่ไม่นิยมนำสมการมาลบกัน  เนื่องจากอาจผิดพลาดเรื่องเครื่องหมาย
35x + 42y             =             497
35x – 25y             =             95
          67y            =             402
                ต้องระวัง              42y – (-25y)  บางครั้งอาจผิดพลาดเรื่องเครื่องหมาย  จึงนิยมทำสัมประสิทธิ์ตัวแปรเดิม  ที่มีเครื่องหมายตรงกันข้ามกัน  แล้วนำมาบวกกัน  จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องหมาย


 จงเขียนกราฟของสมการ  2x - y    = 0    และ  กราฟของสมการ 2x – y + 3  = 0
                    จากสมการ   2x – y    =  0                     และ จากสมการ             2x + 3   =  y
                    
จะได้                  2x    =  y                                                                    y  =  2x +  3สมการ y = 2x   ( a = 2  , b = 0 )                                         สมการ  y = 2x – 6   ( a = 2 , b = 3 )

x
y =  2x
y
( x,y )

x
y = 2x + 3
y
( x,y )
- 1
y =  2(-1 )
- 2
(-1,-2)
- 1
y = 2( -1 ) + 3
1
(-1,1)
0
y =  2(0)
0
(0,0)
0
y = 2 (0) + 3
3
(0,3)
1
y =   2(1)
2
(1,2)
1
y = 2(1) + 3
5
(1,5)



ตัวอย่าง 2   จงเขียนกราฟของสมการ  2x + y    = 0    และ  กราฟของสมการ 2x + y + 3  = 0
                   
จากสมการ   3x + y    =  0                     และ จากสมการ        2x + y + 3  =  0
                   
จะได้                    y    =  - 3x                                                              y   =  - 2x - 3สมการ y = - 2x   ( a = - 3  , b = 0 )                          สมการ  y = - 2x – 3   
( a = - 2 , b = - 3 )
x
y = - 3x
y
( x,y )

x
y = - 2x + 3
y
( x,y )
- 1
y =  - 3(-1 )
3
(-1, 3)
- 1
y = - 2( -1 ) + 3
5
(-1,5)
0
y =  - 3(0)
0
(0,0)
0
y = - 2 (0) + 3
3
(0,3)
1
y =   -3(1)
- 3
(1,- 3)
1
y = - 2(1) + 3
1
(1,1)



1.จากการสอบถามนักเรียนห้องหนึ่ง มีคนที่พูดภาษาจีนและภาษาอังกฤษได้ดังนี้
  มีคนที่พูดภาษาจีนได้ร้อยละ 70 และมีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ร้อยละ 80
  ข้อใดที่กล่าวถึงนักเรียนห้องนี้ได้ถูกต้อง
     1) มีคนที่สามารถพูดทั้งภาษาจึนและภาษาอังกฤษได้ร้อยละ 50
     2) มีคนที่พูดภาษาจีนอย่างเดียวได้ร้อยละ 30
     3) มีคนที่พูดภาษาอังกฤษอย่างเดียวได้ร้อยละ 20
     4) ข้อ 1 ถึง ข้อ 3 ถูกต้องทุกข้อ


เฉลย ขอ 1) มีคนที่สามารถพูดทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษไดรอยละ 50 แนวคิด พูดจีนไดรอยละ 70 แสดงวา พูดจีนไดแตพูดอังกฤษไมได รอยละ 30 พูดอังกฤษไดรอยละ 80 แสดงวา พูดอังกฤษไดแตพูดจีนไมได รอยละ 20 ดังนั้น พูดจีนไดอยางเดียว 70 – 20 = รอยละ 50 พูดอังกฤษไดอยางเดียว 80 – 60 = รอยละ 50 ดังนั้น พูดทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษไดรอยละ 50

                             15
2.หลักหน่วยของ 3      เท่ากับจำนวนในข้อใด
     1)  1
     2)  3
     3)  7
     4)  9
เฉลย ขอ 3) 7 แนวคิด เนื่องจากคําตอบตองการทราบเฉพาะหลักหนวย จึงนําเฉพาะตัวหลังคูณกัน
3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3 x 3
           9 7 1 3 9 7 1 3 9 7 1 3 9 7
ดังนั้น จะไดหลักหนวยลงทายดวย 7

3.ถ้า 0  <  a  <   1  แล้ว  ข้อใดต่อไปนี้เป็นจริง
                    2
     1)  a  <  a  <  1
                          a
                                            2
     2)  1   <   a  <    a
          a
                            2
     3)  a  <    <  a
                   a
             2
     4)  a    <   a  <   1
                              a
                       2
เฉลย ขอ 4)  a    <   a  <   1
                                         a

แนวคิด ทดสอบจํานวนที่อยูระหวาง 0 – 1 เชน 0.1 , 0.3 , 0.5
                      2
                     a           a        1
                                            a
                   0.01      0.1      10
                   0.09      0.3      3.33
                   0.25      0.5      2
                                                    2
          ดังนั้น คําตอบ คือ            a    <       a     <     1  เป็นจริง
                                                                               a

4.พิจารณาข้อต่อไปนี้
          ก. 4 1  ×  1  2  =  4  1  +  1  2
                  2          7          2          7

          ข. 7  <  √5  ×  √10  <  8

     ข้อสรุปใดเป็นจริง
     1) ก ถูก  ข  ถูก
     2) ก ถูก  ข  ผิด
     3) ก ผิด  ข  ถูก
     4) ก ผิด  ข  ผิด
เฉลย ข้อ 1) ก ถูก ข ถูก
แนวคิด   ก. 4 1  ×  1  2    =  4  1  +  1  2                       ข. 7  <  √5  ×  √10  <  8
                      2          7          2           7                          
                     9/2   ×  9/7  =   9/2+ 9/7                              7  <  √50  <  8
                        81 /14      =  63/14 + 18/14                                                                
                              81/14 =   81/14                                   7  <  7.071  <  8

ดังนั้น ข้อ ก และ ข ถูกทั้งสองข้อ



5.จำนวนเต็มบวกที่น้อยที่สุด ที่หารด้วย 5 แล้วเหลือเศษ 4 แต่หารด้วย 4 แล้ว เหลือเศษ 3 ถามว่าผลบวกเลขโดดของจำนวนเต็มนั้นเป็นเท่าไร

     1)   7
     2)   8
     3)   9
     4)  10
เฉลย ข้อ 4) 10
แนวคิด จำนวนที่ 5 หารแล้วเหลือเศษ 4 คือ 9 , 14 , 19 , 24 , 29 , 34 , 39 , …
จำนวนที่ 4 หารแล้วเหลือเศษ 3 คือ 7 , 11 , 15 , 19 , 23 , 27 , 31 , …
ดังนั้น จำนวนเต็มบวกที่น้อยที่สุด ที่หารด้วย 5 หารแล้วเหลือเศษ 4
และหารด้วย 4 หารแล้วเหลือเศษ 3 คือ 19 และผลบวกเลขโดด คือ 1+9 =10

6.เดือนนี้เป็นเดือนมิถุนายน มีเพียงวันเสาร์ และวันอาทิตย์ เท่านั้นที่มี 5 วัน  พิจารณาข้อต่อไปนี้
ข้อใดกล่าวถึงวันที่และวันของเดือนนี้ได้ถูกต้อง

     1)  วันที่ 3 เป็นวันอังคาร
     2)  วันที่ 13  เป็นวันพุธ
     3)  วันที่ 21  เป็นวันพฤหัสบดี
     4)  วันที่ 29  เป็นวันเสาร์
เฉลย ข้อ 4) วันที่ 29 เป็นวันเสาร์
แนวคิด เดือนมิถุนายนมี 30 วัน จะมี 4 สัปดาห์ และ เศษ 2 วัน
โจทย์บอกว่า วันเสาร์และวันอาทิตย์ มี 5วัน แสดงว่า วันที่ 1 , 2 เริ่มวันวันเสาร์และ
อาทิตย์
จะได้ปฏิทิน
อ จ อ พ พฤ ศ ส
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
ดังนั้น ตอบ วันที่ 29 เป็นวันเสาร์
ลักษณะเฉพาะของข้อสอบ
มาร

7.ขนมเค้กก้อนหนึ่งทำเป็น 2 ชั้น หน้ารูปวงกลมวางซ้อนกัน แต่ละชั้นหนา 5 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลางวงกลมชั้นบนและชั้นล่างยาว 14 ซม. และ  28 ซม. ตามลำดับ
จงหาปริมาตรของขนมเค้กก้อนนั้น (ให้    π  =  22  /7   )




     1)  179  ลบ.ซม.
     2)  3080  ลบ.ซม.
     3)  3750  ลบ.ซม.
     4)  3850  ลบ.ซม.

เฉลย ข้อ 4) 3850 ลบ.ซม.
แนวคิด สูตร ปริมาตรของทรงกระบอก = πr2h
หาปริมาตรทั้งสองรูปแล้วนำมาบวกกัน
               2                                 2
22  ×  7     ×  5)  +  ( 22  ×  14    ×  5)
   7                               7

770 + 3080
3850 ลบ.ซม.

8.รูปต่อไปนี้แสดงการมองลูกบาศก์ที่วางซ้อนกัน  โดยมองจากด้านบน  ด้านหน้าและด้านข้างทางขวา  จงหาว่ามีลูกบาศก์อย่างน้อยที่สุดกี่ลูก














                                                              

           ด้านบน



                                                                       















                    ด้านหน้า



















   ด้านข้างทางขวา


     1)   9     ลูก
     2)   10   ลูก
     3)   11   ลูก
     4)   12   ลูก
เฉลย
   ข้อ 2)  10  ลูก

9.นำ  99 คูณกับ  99  ได้ผลคูณเป็น  9801  นำเลขโดดของผลคูณมาบวกกันได้
          9  +  8   +  0   +  1  =  18      ถ้า  999,999,999  ×    999,999,999  แล้วนำเลขโดดของผลคูณมาบวกกันจะได้เท่าไร

     1)  63
     2)  72
     3)  75
     4)  81

เฉลย ข้อ 4) 81
แนวคิด 9 x 9 = 81                 8 + 1 = 9 = 9 x 1
99 x 99 = 9801                      9 + 8 + 0 + 1 = 18 = 9 x 2
999 x 999 = 9998001            9 + 9 + 8 + 0 + 0 + 1 = 27 = 9 x 3
9999 x 9999 = 99980001      9 + 9 + 9 + 8 + 0 + 0 + 0 + 1 = 36 = 9 x 4
ดังนั้น
999999999 x 999999999 = 9 x 9 = 81


10.คู่อันดับ  ( 10 , 32 ) , ( 15 , 47 ) ,  ( 18 , 56 )  แทนจุดบนกราฟเส้นตรงเดียวกัน
คู่อันดับในข้อใด  ที่จุด  ไม่อยู่ บนเส้นกราฟ  ดังกล่าว

     1)  ( 7 , 23 )
     2)  ( 8 , 25 )
     3)  ( 12 , 38 )
     4)  ( 13 , 41 )

เฉลย ข้อ 2) (8 , 25)
แนวคิด จาก y = mx + b
                   m =  (b1   –  b2)
                            (x1  -  x2)

                       =  32  -  47
                           10  -  15

                      =  -15 
                           - 5

                     =  3

11.  ถ้า สมการ 2  สมการนี้

            2 ( 2x  - 3 )  =  1  -  2x     และ   8x  -  a  =  2 ( x  +  1 )

       ต่างมีคำตอบเท่ากัน  แล้ว  a  มีค่าเท่าไร

     1)  - 2
     2)  1
     3)  3
     4)  5

เฉลย ข้อ 17 ตอบ 4
แนวคิด สมการ (1)     2 ( 2x  - 3 )    =  1  -  2x
                                        4x  -  6     =  1  -  2x
                                        4x  +  2x   =  1  +  6
                                             6x        =    7
                                                x       =     7
                                                                6

           สมการ (2)     8x  -  a     =  2 ( x  +  1 )
                                8x  -  a     =  2 x  +  2
                                8x  -  2x   =  a  +  2
                                    6x        =   a  +  2
           แทนค่า  x       =     7     จะได้   6  x  7     =   a  +  2
                                         6                        6
                                                                   7      =   a  +  2
                                                                   a      =    7  -  2
               ดังนั้น                                          a      =    5


12. สามเท่าของจำนวนนักเรียนกลุ่มหนึ่ง  มากกว่า  15  คน  อยู่ไม่เกิน  9  คน  จำนวนในข้อใดต่อไปนี้ที่ ไม่ใช่ จำนวนนักเรียนในกลุ่มนี้

     1)   5  คน
     2)   6  คน
     3)   7  คน
     4)   8  คน
เฉลย ตอบ 4
แนวคิด แปลงจากประโยคภาษาเป็นประโยคสัญลักษณ์
จะได้            3x – 15 < 9
                            3x < 9 + 15
                            3x < 24
                              x < 24
                                     3
                                 x < 8
คำตอบ คือ จำนวนจริงทุกจำนวนที่น้อยกว่า 8


13.ปัจจุบันยิ่งลักษณ์มีอายุเป็น  5  เท่า  ของอายุลูกชาย  แต่เมื่อ  5  ปีที่แล้ว  ยิ่งลักษณ์มีอายุเป็น  10  เท่า  ของอายุลูกชาย  ถามว่าอีกกี่ปียิ่งลักษณ์จะมีอายุ  60  ปี

     1)  5    ปี
     2)  10  ปี
     3)  15  ปี
     4)  20  ปี
เฉลย ข้อ 3) 15 ปี

14.ชมพันธ์ มีเงินเหรียญเหลืออยู่อีก  6  เหรียญ  เป็นเหรียญ  1  บาท  2  เหรียญ  เป็นเหรียญ  5  บาท  4  เหรียญ  เธอต้องการใช้เงินอย่างน้อย  1  บาท  จนหมดจะมีค่าแตกต่างกันได้ทั้งหมดกี่ค่า

     1)  12  ค่า
     2)  13  ค่า
     3)  14  ค่า
     4)  15  ค่า
เฉลย ข้อ 3) 14 ค่า
แนวคิด   ลองเขียนดู
ใช้เงิน 1 = 1 บาท
ใช้เงิน 5 = 5 บาท
ใช้เงิน 1+1 = 2 บาท
ใช้เงิน 1+5 = 6 บาท
ใช้เงิน 5+5 = 10 บาท
ใช้เงิน 1+1+5 = 7 บาท
ใช้เงิน 1+5+5 = 11 บาท
ใช้เงิน 5+5+5 = 15 บาท
ใช้เงิน 1+1+5+5 = 12 บาท
ใช้เงิน 1+5+5+5 = 16 บาท
ใช้เงิน 5+5+5+5 = 20 บาท
ใช้เงิน 1+1+5+5+5 = 17 บาท
ใช้เงิน 1+5+5+5+5 = 21 บาท
ใช้เงิน 1+1+5+5+5+5 = 22 บาท

ตอบ  14  ค่า

15.ฮีสโทแกรม  แสดงการกระจายของอายุประชาชนในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง



     1)  27.8  ปี
     2)  36  ปี
     3)  39  ปี
     4)  42  ปี
เฉลย ข้อ 3) 39 ปี
แนวคิด        =    (20×10)+(30×20)+(40×40)+(50×30)
                                                     100
                   =     3900
                           100
                   =     39

16.  มีบัตรเลขโดด  2  ,  3  ,  5  .  7
       นำมาสร้างจำนวนสองหลักที่มีเลขโดดไม่ซ้ำกัน  จงหาความน่าจะเป็นที่จำนวนสองหลักนั้นเป็นจำนวนคี่

     1)   3
          12
     2)   9
          12
     3)   5
          16
     4)  11
          16
เฉลย ตอบ ข้อ 2
แนวคิด นำเลขโดด 4 ตัว ได้แก่ 2 , 3 , 5 และ 7 มาสร้างเป็นจำนวนสองหลัก
S =   (2,3),(2,5),(2,7),(3,2),(3,5),(3,7),(5,2),(5,3),(5,7),(7,2),(7,3),(7,5)
n(S) = 12
เหตุการณ์ที่จำนวนสองหลักเป็นเลขคี่
E =   (2,3),(2,5),(2,7),(3,5),(3,7),(5,3),(5,7),(7,3),(7,5)
n(E) = 9
ความน่าจะเป็นที่จำนวนสองหลักเป็นเลขคี่
P(E) =   n (E)      =   9
              n(S)           12


17.ตั้มเล่นเกมปาลูกดอกไปยังเป้ากลมซึ่งแบ่งเป็น  3  วง  แต่ละวงกำหนดคะแนนเป็น 3 , 5  และ  10  คะแนน  ดังแสดงในรูป  ตั้มปาลูกดอกเข้าเป้าทั้งสามดอก  ถามว่าคะแนนรวมที่เป็นไปได้มีทั้งหมดกี่ค่าที่แตกต่างกัน



     1)  7   ค่า
     2)  8   ค่า
     3)  9   ค่า
     4)  10  ค่า

เฉลย ข้อ 4) 10 ค่า
แนวคิด ลองเขียนดู
3+3+3 = 9 คะแนน
5+5+5 = 15 คะแนน
10+10+10 = 30 คะแนน
3+5+5 = 13 คะแนน
3+10+10 = 23 คะแนน
5+3+3 = 11 คะแนน
5+10+10 = 25 คะแนน
10+3+3 = 16 คะแนน
10+5+5 = 20 คะแนน
3+5+10 = 18 คะแนน
ตอบ 10 ค่า


18.ให้เขียนเลขโดด 1 , 2 , 3 , 4 , 5 ลงในช่องแต่ละช่อง  โดยเลขโดดในแนวนอนเดียวกันหรือในแนวตั้งเดียวกัน  หรือแนวทแยงมุมเดียวกัน  จะต้องไม่ซ้ำกัน  บางช่องมีตัวเลขเขียนให้ไว้แล้ว  ถามว่าช่องที่เขียน A   แทนจำนวนใด
3

4


5
2








A








1




4


เฉลย ตอบ A = 2
แนวคิด พิจารณาแถวที่ 5 หลักที่ 1 ตัวเลขที่เขียนได้ คือ 1 , 4 และ 5
แต่ 4 เขียนไม่ได้ เพราะตรงกับแนวนอนแถวที่ 5 หลักที่ 5
และ 5 เขียนไม่ได้ เพราะตรงกับแนวทแยงแถวที่ 1 หลักที่ 5
ดังนั้น ตัวเลขที่เขียนได้คือ 1
พิจารณาแถวที่ 3 หลักที่ 3 คือช่องที่เขียน A ตัวเลขที่เขียนได้ คือ 1, 2, 3. 4 และ 5
แต่ 1 , 3 , 4 และ 5 เขียนไม่ได้ เพราะตรงกับแนวทแยงทั้ง 4 มุม
ดังนั้น ตัวเลขที่เติมลงในช่อง A คือ 2

19.นักเรียนชาย 4 คน  คือ   A , B  , C , D  มาชั่งน้ำหนัก  กลุ่มละ  2  คน  โดยแต่ละคนเลือกคู่กันมาเอง  ได้ทั้งหมด  6  คู่  ที่ต่างกัน  และบันทึกน้ำหนักรวมกันเป็นกิโลกรัม ดังนี้

     84     87     86     90     89     92

  ถามว่าน้ำหนักเฉลี่ยของนักเรียน  4  คนเป็นเท่าไร

     เฉลย ตอบ 44
แนวคิด            X  =   A +  B +  C + D
                                       4

A+B = 84
A+C = 87
A+D = 86
B+C = 90
B+D = 89
C+D = 92
3(A+B+C+D) = 528
A+B+C+D     = 528
                            3
A+B+C+D      = 176
                    = 176
                             4
X                      = 44

20.กิตติและลัดดาเล่นเกมหยิบตุ๊กตา  12  ตัว  ที่วางอยู่บนโต๊ะ  มีกติกาว่าทั้งสองคนผลัดกันหยิบคนละครั้งสลับกันโดยหยิบครั้งละ 1 ตัว  หรือ  2  ตัว  หรือ  3  ตัว  ก็ได้ใครหยิบตุ๊กตาตัวสุดท้ายเป็นผู้แพ้  ถ้ากิตติเป็นคนเริ่มต้นหยิบก่อน  เขาจะต้องหยิบตุ๊กตาครั้งแรกกี่ตัวจะเป็นผู้ชนะเสมอ
เฉลย  ตอบ  3  ตัว

21.  กำหนดการดำเนินการของจำนวน  ดังนี้

          ถ้าจำนวนนั้นเป็นจำนวนคี่ให้บวกด้วย  1

          ถ้าจำนวนนั้นเป็นจำนวนคู่ให้บวกด้วย  2

  ดังตัวอย่างที่แสดงข้างล่างและให้ทำการคำนวณในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนได้จำนวนสุดท้ายเป็น 1

             +1         +2           +1          +2           +1         +2           +2          +2
     
             9           10             5             6            3           4               2            1

ในบรรดาจำนวนนับที่น้อยกว่า  30  จำนวนใดที่ต้องการทำการคำนวณมาครั้งที่สุด  จนกระทั่งได้จำนวนสุดท้ายเป็น  1

เฉลย ตอบ จำนวนนั้น คือ 17
แนวคิด 17 = 18 = 9 = 10 = 5 = 6 = 3 = 4 = 2 = 1 รวม 9 ครั้ง

ข้อที่1


รูปหกเหลี่ยมข้างบน ขนาดของมุมภายในทั้งหมดรวมกันเท่ากับขนาดของมุมภายในของรูปสามเหลี่ยมรวมกันกี่รูป
          ก.  5 รูป
          ข.  รูป
          ค.  รูป
          ง.    2 รูป
ตอบ   ข.4 รูป
วิธีทำ   แบ่งรูปหกเหลี่ยมให้เป็นสามเหลี่ยม 6รูป
มุมภายใน=(180×6)-มุมรวมของสามเหลี่ยม
                 =1080-360
                 =720
                 =180×4

ข้อที่ 2  กรวยกลมและทรงกระบอกมรฐานเท่ากันมีส่วนสูงเท่ากันถ้ากรวยกลมมีปริมาตร 9ลูกบาศก์เมตรแล้วทรงกระบอกมีปริมาตรเท่าไหร่
          ก.  30 ลูกบาศก์เมตร
          ข.  27 ลูกบาศก์เมตร
          ค.  21 ลูกบาศก์เมตร
          ง.    18 ลูกบาศก์เมตร
ตอบ .27 ลูกบาศก์เมตร
วิธีทำ   ปริมาตรทรงกระบอก = 3ของทรงกระบอก
                                             =3×9
                                             =27




ข้อที่ 3 ในกล่องมีปากกาสีต่างๆ 4 สี จำนวน 40 ด้ามโดยมรปากกาสีแดง 15ด้าม และมีปากกาสีเขียว 10 ด้าม มีปากกาสีน้ำเงินน้อยกว่าปากกาสีเขียว 5 ด้าม ที่เหลือเป็นปากกาม่วง โอกาสที่จะหยิยได้ปากกาสีใดน้อยที่สุด
          ก.ปากกาสีแดง
          ข.ปากกาน้ำเงิน
          ค.ปากกาสีเขียว
          ง.ปากกาสีม่วง
ตอบ  ขปากกาน้ำเงิน
วิธีทำ                    มีปากกาสีน้ำเงิน     15      ด้าม
                              มีปากกาสีเขียว  10   ด้าม
                          มีปากกาสีน้ำเงิน  10-5 =5 ด้าม
                       มีปากกาสีม่วง 40-(15+10+5)=10 ด้าม
               เนื่องจากปากกาสีน้ำเงินมีจำนวนน้อยที่สุด คือ 5 ด้าม

              ดังนั้น โอกาสที่จะหยิบได้ปากกาสีน้ำเงินจึงมีน้อยที่สุด

ความสูง(เซนติเมตร)
จำนวนนักเรียน(คน)
151
8
152
6
153
4
154
2
155
4

ความสูง(เซนติเมตร)
จำนวนนักเรียน
(คน)
ผลคูณของส่วนสูง
กับจำนวนนักเรียน
ความถี่สะสม
151
8
151x8=1,208
8
152
6
152x6=912
14
153
4
153x4=612
18
154
3
154x3=462
21
155
4
155x4=620
25
รวม
25
3,814
-


ข้อที่4  จากข้อมูลที่กำหดให้ข้อใดกล่าวถูกต้อง
          ก.ค่าเฉลี่ยเลขาคณิตเท่ากับ153เซนติเมตร
          ข.มัธยาฐานเท่ากับ 153เซนติเมตร
          ค.ฐานนิยมเท่ากับ152เซนติเมตรและ155เซนติเมตร
          ง.ฐานนิยมเท่ากับ151เซนติเมตรและมัธยาฐานเท่ากับ152เซนติเมตร
ตอบ .ฐานนิยมเท่ากับ155เซนตเมตรละมัธยาฐานเท่ากับ152เซนติเมตร
 วิธีทำ
ค่าเฉลี่ยเลขาคณิตเท่ากับ  3,814 =152.56 เซนติเมตร
                                             25
มัธยฐานของความสูงของนักเรียน คือ นักเรียนที่อยู่ตำแหน่ง 25 = 12.5  เซนติเมตร
                                                                                                 2
ที่อยู่ระหว่าง 152+152 = 152  เซนติเมตร
                          2
ฐานนิยมคือข้อมูลที่มีความถี่สูงที่สุด ดังนั้น ฐานนิยมเท่ากับ 151เซนติเมตร

 ข้อ 5  จำนวนในลำดับที่10ของแบบรูปที่กำหนดให้ต่อไปนี้คือจำนวนใด
                8,5,-1,….
          ก.-19
          ข.-22
          ค.-25
          ง.-28
ตอบ .-19
วิธีทำ   พิจารณาผลต่างระหว่าลำดับที่อยู่ติดกัน
       8-5=3,5-2=3,2-(-1)=3
นั้นคือลำดับดังกล่าวจะนับลดลงทีละ 3
ดังนั้น ลำดับที่ คือ -1-3=-4
                                        ลำดับที่ คือ -4-3=-7
                                                    ลำดับที่ คือ -7-3=10
                                                   ลำดับที่ 8  คือ-10-3=-13
            ลำดับที่ คือ-13-3=-16
ลำดับที่10คือ -16-3=-19


 ข้อ 6 ข้อใดเรียงลำดับทศนิยมจากน้อยไปมากได้ถูกต้อง
      ก.    0.044  0.242   0.444   0.424
      ข.    0.258   0.825  0.852   0.528
      ค.    0.245  0.425  0.457  0.542
      ง.     0.001    0.011  0.111  0.101
    ตอบ  . 0.245 0.425 0.457 0.542
วิธีทำ   เปรียบเทียบโดยพิจรณาเลขโดดในหลักเดียวกันทีละหลักถ้าเลขโดดมีค่าเท่ากันให้พิจรณาเลขโดดในหลักต่อไปทางขวามือ
0.245<0.425พิจารณาเลขโดดในหลักส่วนสิบ (2<4)
0.425<0.457พิจารณาเลขโดดในหลักส่วนสิบ (2<5)
0.457<0.542พิจารณาเลขโดดในหลักส่วนสิบ (4<5)
ดังนั้น 0.245<0.425<0.457<0.542


ข้อ 7 ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้อง
          ก.จำนวนเต็มบวกคูณกับจำนวนเต็มลบ หรือ จำนวนเต็มลบคูณกับจำนวนเต็มลบ ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มบวก
          ข.จำนวนเต็มบวกคูณกับจำนวนเต็มลบ หรือ จำนวนเต็มลบคูณกับจำนวนเต็มบวก ผลลัพธุ์เป็นจำนวนเต็มบวก
          ค.การหารจำนวนเต็มถ้าตัวตั้งและตัวหารเป็รจำนวนเต็มบวกทั้งคู่หรือเป็นจำนวนเต็มลบทั้งคู่ผลหารเป็นจำนวนเต็มบวก
          ง.การหารจำนวนเต็มถ้าตัวตั้งหรือตัวหารตัวใดตัวหนึ่งเป็นจำนวนเต็มลบและอีกตัวหนึ่งเป็นจำนวนเต็มบวก ผลหารเป็นจำนวนเต็มลบ
ตอบ ข.จำนวนเต็มบวกคูณกับจำนวนเต็มลบ หรือ จำนวนเต็มลบคูณกับจำนวนเต็มบวก ผลลัพธุ์เป็นจำนวนเต็มบวก
วิธีทำ พิสูจน์โดยวิธีการยกตัวอย่างที่ทำให้ข้อความนั้นเป็นเท็จ
กรณีที่จำนวนเต็มบวกคูณกับจำนวนเต็มลบเช่น
2x(-2)=-4 ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มลบ
กรณีที่จำนวนเต็มลบคูณกับจำนวนเต็มบวกเช่น
(-3)x5=-15ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มลบ
ดังนั้น ข้อ ข จึงกล่าวไม่ถูก

8.



9.

10.


11.














คลิป

เฉลยข้อสอบคณิต ONET ม.3 ปี 56 

https://www.youtube.com/watch?v=LZ7VzGYxOPg

คลิป
เฉลยข้อสอบคณิตศาสตร์ O-NET ม.3 Part 1
https://www.youtube.com/watch?v=J3amv7yApyw

คลิป
เฉลยข้อสอบคณิตศาสตร์ O-NET ม.3 Part 2

https://www.youtube.com/watch?v=rV2J9tHrZYU

คลิป
เฉลยข้อสอบคณิตศาสตร์ O-NET ม. 3 Part 3
https://www.youtube.com/watch?v=HnhQHtYjMkY

คลิป

เฉลยข้อสอบคณิตศาสตร์ O-NET ม. 3 Part 4
https://www.youtube.com/watch?v=WaZOtWv8vYg



คลิป

เฉลยข้อสอบคณิตศาสตร์ O-NET ม.3 Part 5
https://www.youtube.com/watch?v=1s1UdTfKL3g

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น